๕ มีนา..วันยืนหยัดสำนึกคนข่าวมืออาชีพ
ทุกครั้งที่วันที่ ๕ มีนาคมเวียนมาถึง คือทุกครั้งที่สามัญสำนึกคนข่าวจะรำลึกถึงจิตวิญญาณอันพึงมี พึงยึดมั่น ถือมั่น ในการคิดดี-ทำดี เพื่อประโยชน์สาธารณะ คนข่าวถือปฏิบัติเยี่ยงนี้ต่อเนื่องกันมายาวนาน ๖๘ ปี นับจาก พุทธศักราช ๒๔๙๘ เป็นต้นมา ตราบกระทั่งทุกวันนี้
วันนี้ (๕ มีนาคม) เมื่อ ๖๘ ปีที่แล้ว คุณโชติ มณีน้อย ในฐานะปูชนียชนคนข่าวได้ร่วมกันกับผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนจากหนังสือพิมพ์ภาษาไทย ภาษาจีน และภาษาอังกฤษ รวม ๑๖ ฉบับ ได้เห็นพ้องกันที่จะสถาปนาวันที่ ๕ มีนาคม เป็น “วันนักข่าว”
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยเป็นองค์กรวิชาชีพสื่อด้านวิทยุโทรทัศน์ แม้จะถูกสถาปนาขึ้นภายหลัง ตามกระแสการเติบโตของสื่อวิทยุและโทรทัศน์ในเดือนสิงหาคม ๒๕๔๔ แต่ก็เป็นหน่อเนื้อคนข่าวที่ยึดถือวันที่ ๕ มีนาคม เป็นวันนักข่าวเฉกเช่นเดียวกับองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนทั้งหลาย
พันธกิจแรกเริ่มของสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย มุ่งทำหน้าที่ติดตามสอดส่องกระบวนการปฏิรูปการจัดสรรคลื่นความถี่ ตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ให้เป็นไปด้วยความโปร่งใส ควบคู่กับการสื่อสาระความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติหน้าที่รายงานข่าวผ่านสื่อวิทยุและโทรทัศน์ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.)
ปัจจุบัน การเติบโตของสื่อออนไลน์ ทำให้การทำหน้าที่ของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนด้านวิทยุและโทรทัศน์ ถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้นจากประชาชน และจาก กสทช. ที่คาดหวังการทำหน้าที่โดยยึดหลักจริยธรรมวิชาชีพท่ามกลางการแข่งขันอย่างรุนแรงในการสร้างความนิยม รายได้ และความน่าเชื่อถือไปพร้อมกัน
แรงกดดันต่อคนข่าวที่ต้องปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์สื่อ แรงกดดันในการสร้างความนิยมเพื่อสร้างรายได้หล่อเลี้ยงองค์กรจากผู้บริหารที่เป็นเจ้าของเงินทุน ตลอดจนถึงการแบกรับความคาดหวังของสังคม ส่งผลต่อแรงกดดันในวิชาชีพอย่างยิ่งยวด แต่กระนั้น ด้วยจิตวิญญาณของความมุ่งมั่นในวิชาชีพของคนข่าวในการทำหน้าที่เป็นกระจกสะท้อนปรากฏการณ์ของสังคม ขณะเดียวกันก็เป็นตะเกียงส่องทางที่จะสร้างสังคมที่ดีงามร่วมกัน จึงยังเป็นแรงส่งที่หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณคนทำสื่อมืออาชีพต่อไป
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยในฐานะองค์กรวิชาชีพของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนด้านวิทยุและโทรทัศน์ มีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งต่อการทำหน้าที่ดังกล่าว ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองได้ จึงขอประกาศเจตนารมณ์ที่จะ “ยึดมั่น และยืนหยัดในการทำหน้าที่คนข่าวมืออาชีพ เป็นสื่อมวลชนที่ดีให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป” และยินดีน้อมรับคำวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมเพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชนวิทยุและโทรทัศน์เป็นไปตามจริยธรรมวิชาชีพต่อไป