ไม่ว่าจะเซ็นเซอร์ตัวเอง หรือถูกอำนาจรัฐแทรกแซง หรือตรงกับ “อคติ” ลึก ๆ ที่อยู่ในใจ โทรทัศน์ สื่อสำคัญสุดของไทย ก็พร้อมใจกันปิดหูปิดตาประชาชนอย่างเต็มใจ โดยลืมนึกถึงหน้าที่ศักดิ์สิทธิ์ของตัวเอง
13 เมษายน 2552 ถูกบันทึกอีกครั้งว่า เป็น สงกรานต์เลือด ไทยฆ่าไทย บ้านเมืองเหมือนอยู่ในภาวะสงครามกลางเมือง มีจลาจลหลายจุดสำคัญทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรง ถูกประกาศใช้โดยนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และ 5 จังหวัด รวมพระนครศรีอยุธยา
ตำรวจไปอยู่แถวหลัง ทหารในเครื่องแบบถือปืนเอ็ม 16 เข้าทำหน้าที่ควบคุมสถานการณ์อย่างเบ็ดเสร็จ เพื่อสยบม็อบเสื้อแดงที่นายอภิสิทธิ์ประกาศเป็น ศัตรูของชาติ ไปเรียบร้อยแล้ว
ทีวี สื่ออิทธิพลสูงสุดของการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร เพราะมีทั้งภาพ เสียง และการเคลื่อนไหวทุกชนิด มีผลต่อการตัดสินใจและพฤติกรรมของ คนดู ถูกอำนาจรัฐยึดครองเบ็ดเสร็จ ช่อง 3, 5, 7, 9 โดยไม่ต้องพูดถึงช่อง 11 รัฐบาลสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง โดยที่ องค์กรสื่อด้านวิทยุ ทีวี ทำเหมือนคนหูหนวกตาบอด สมยอมกับการละเมิดสิทธิการรับรู้ของประชาชนอย่างเต็มอกเต็มใจ ??
ละเลยจรรยาบรรณ ศักดิ์ศรีของสื่อ ที่ต้องให้ข้อมูลทุกด้าน แม้ถูกขัดขวางและมีอุปสรรค ก็ตาม
ไม่ว่าจะเปิดไปช่องไหน มีแต่หน้านายอภิสิทธิ์ออกทีวีพูล พร้อมขุนศึกทุกเหล่าทัพ พูดความจำเป็นในการสลายม็อบ แอบเติมความเกลียดชังคนเสื้อแดง ว่าทั้งก่อจลาจล ล้มอาเซียนซัมมิท ปิดถนน ถูกจูงจมูก
มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกรัฐบาล พ.อ.สรรเสริญ\แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย โผล่จอสลับกันเป็นระยะ กล่าวหาม็อบเสื้อแดงเตรียมก่อวินาศกรรมหลายพื้นที่ ขว้างระเบิดศาลรัฐธรรมนูญ และจ้างเผาแบงก์กรุงเทพ กับซีพี ด้วยค่ารับจ้าง 5 พันบาท ซึ่งตามมาด้วยมีการนำ 3 ผู้ต้องหาออกทีวีโชว์
มีการยอมรับ ใช้ปืนจริง แต่ยิงขึ้นฟ้า ขณะที่การเล็งยิงใส่ผู้ชุมนุม แค่กระสุนหลอก จะจริงหรือไม่ แต่ทั้งหมดเป็นการพูดข้างเดียวของผู้กระทำ โดยผู้ถูกกระทำไม่มีโอกาสได้พูดแม้แต่น้อย
เป็นความจริงว่า หลายอย่างเสื้อแดงควร ถูกประณาม เพราะเกินเลยจากการชุมนุมโดยสงบไปมาก เช่น บุกทุบกระจกโรงแรมรอยัลคลิฟฯ ปิดถนนตามอำเภอใจ การทำร้ายนายกฯและนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์!?!
แต่สื่อทีวีที่ยัดเยียดข้อมูลด้านเดียว ก็สร้างความเกลียดชัง ทำให้เห็นว่า เสื้อแดง คือศัตรูชาติ ต้องถูกกำจัด แทบไม่ต่างจาก “เหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 19” ที่วิทยุยานเกราะ และทีวีทุกช่อง โฆษณาชวนเชื่อ ให้นักศึกษาที่เรียกร้องประชาธิปไตย กลายเป็นสัตว์ร้าย นำไปสู่การล้อมปราบและฆ่าหมู่เกิดขึ้น
เที่ยวนี้ คนไทยกับคนไทยฆ่ากันเอง ตายไป 2 คนแถวนางเลิ้ง เจ็บอีกนับร้อย ซึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้าใจยิ่ง
ขณะที่ตอนเสื้อเหลืองชุมนุม มี “เอเอสทีวี” ถ่ายทอดสดทั้งวันทั้งคืน เพราะได้รับการคุ้มครอง แต่ “ดีสเตชั่น” ช่องทางสื่อสารเดียวของคนเสื้อแดง ถูกสั่งตัดสัญญาณเป็นจอดำทันที ทีวีทุกช่องมีแต่บันเทิง เกมโชว์ ละคร รายการข่าว มีแต่การยึดรถเมล์ เผายางรถยนต์ การหาข้อเท็จจริงเรื่องขนม็อบชนม็อบของนายเนวิน มีน้อยมาก
โดยเฉพาะ ทีวีไทย ที่เอาเงินภาษีปีละ 2,000 ล้านไปละเลง ประกาศตัวเป็น ทีวีสาธารณะ เห็นความเอียงกระเท่เร่ ชัด ๆ เลย ตอนเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 51 ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมคนเสื้อเหลืองจะยึดรัฐสภา ทีวีช่องนี้เอาเหตุการณ์ล้อมปราบนักศึกษาที่ เรียกร้องประชาธิปไตยตอน 6 ตุลา 19 มาฉายเปรียบเทียบ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอกย้ำให้เห็นว่า ตำรวจเข่นฆ่าประชาชน ขณะที่คนเสื้อเหลืองเป็นฮีโร่
แต่สงกรานต์เลือด ไทยฆ่าไทย ทีวีไทย เย็นชามาก ออกข่าวแทบจะด้านเดียว ไม่มีข่าวอีกด้าน ยังดีที่ยอมให้กลุ่มอาจารย์รักสันติจากหลาย มหาวิทยาลัย ซึ่งอดรนทนไม่ได้ ยกโขยงมาขอพูดบ้าง สร้างสมดุลข่าวอีกด้าน
แม้เที่ยวนี้คนเสื้อแดงจะถูกสลายไป แล้ว แต่ก็พิสูจน์ว่า ทีวีไทยก็แค่สาขาช่อง 11 ไม่สมศักดิ์ศรีทีวีสาธารณะแม้แต่น้อย เสียดายเงินภาษีของประชาชนที่ต้องเอาไปจ่ายเป็นเงินเดือนให้ทีวีไทย.
ดาวประกายพรึก
ที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์