คอลัมน์ งานเป็นเงา
โดย ลำแข
ไม่ว่าทีวีเสรีหรือทีวีสาธารณะ ถ้าอยากทำให้ชาวบ้านได้ส้องเสพของดีมีสติปัญญาเพิ่มขึ้น และทำได้จริงๆ แล้วละก็ คงไม่มีใครคัดค้าน แต่การที่หลายคนใช้ทีวีเสรีหรือจะเป็นทีวีสาธารณะ เหมือนเป็นทีวีส่วนตัวนี่สิ ไม่ใช่มืออาชีพอย่างที่อ้างกันเลย
การที่ผู้ชมติดตามรายการข่าวสาร ของสถานีใดสถานีหนึ่ง หรือรายการใดรายการหนึ่ง หรือผู้รายงานข่าวคนใดคนหนึ่ง นั่นเป็นเพราะสถานีนั้นหรือรายการนั้น หรือผู้รายงานข่าวนั้น สามารถตอบสนองข่าวสารได้อย่างมีฝีมือ หรือมีประสิทธิภาพ
ถ้าผู้ชมนิยมชมชอบผู้รายงานข่าวคนไหน ก็เป็นด้วยการทำงานที่มีคุณภาพของเขา
ไม่จำเป็นว่าผู้รายงานข่าวกับผู้ชมจะต้องรู้จัก หรือสนิทชิดเชื้อ หรือมีความสัมพันธ์กันทางใดทางหนึ่ง
ผู้ชมไม่มีความจำเป็นต้องรับรู้ว่าผู้รายงานข่าวคนนั้นเป็นลูกคนโตหรือคนสุดท้องของครอบครัว แต่งงานแล้วหรือไม่ มีรสนิยมการอยู่กินอย่างไร ชอบอ่านหนังสือหรือดูหนังฟังเพลงประเภทไหน ฯลฯ
ขณะเดียวกันก็ไม่ใช่หน้าที่ที่ผู้รายงานข่าวจะบอกเรื่องส่วนตัวไม่ว่าเรื่องใดผ่านทางรายการที่กำลังทำ ให้ผู้ชมทั้งหลายได้รับรู้
ดังนั้น เมื่อบรรดาคนอ่านข่าวหรือรายงานข่าว ใช้เวลาสาธารณะของผู้ชม (แม้จะเพียงนาทีสองนาที) คุยหยอกเล่นหัวกัน เรื่องใครเป็นสาวกฟุตบอลอังกฤษทีมไหน คืนวานแพ้อีกแล้วเพราะไม่ไล่ผู้จัดการทีมออกเสียที ราวกับว่าผู้ชมต้องรู้ให้ได้ไปด้วย
จึงเป็นเรื่องน่ารำคาญ เพราะเสียมารยาทอย่างยิ่ง ที่ใช้เวลาของผู้บริโภคเป็นส่วนตัว
ความจริงบุคคลเหล่านี้ ก็ติดตามสื่อจากต่างประเทศเป็นประจำอยู่ ย่อมเห็นตัวอย่างดีๆ ที่สื่อมวลชนมืออาชีพเขาทำงานกัน แต่ก็ยังเรียนรู้ไม่ได้ ไม่รู้ว่าทำไมหรือเพราะอะไรเหมือนกัน ที่ต้องมาอวดเรื่องซึ่งชาวบ้านร้านตลาดเขาก็พูดคุยเล่นกันอยู่แล้ว ให้รกหูมากขึ้นไปอีก
ยิ่งการแสดงทรรศนะนอกเหนือการรายงานข่าว ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ชมวิพากษ์วิจารณ์กันมานานด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ราคาความสามารถลดน้อยถอยลงแทบทุกราย เนื่องจากไม่เคยระมัดระวังที่จะคิดว่าตนเรียนรู้เรื่องนั้นๆ มามากน้อยแค่ไหน ขณะที่ผู้ชมอีกเป็นพันเป็นหมื่นคน อาจมีทั้งคุณวุฒิและวัยวุฒิที่ยิ่งกว่าสวนมะพร้าว ซึ่งใครกำลังนำมะพร้าวห้าวไปขาย
ไม่พูดเสียยังมีราคากว่า
เลิกทำงานหน้าจอทีวีเหมือนกำลังนั่งเล่นกันอยู่ที่บ้าน หรือเหมือนคุยกับเพื่อนในร้านอาหารได้แล้ว
ที่มา มติชน วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 10938 หน้า 24