โพสต์ทูเดย์ – จีทีเอช จี้รัฐบาลเร่งลด ภาษี แก้กฎหมาย ตั้งกองทุนสนับสนุนภาพยนตร์ไทยยกระดับสู่อุตสาหกรรม ส่งออก
นายวิสูตร พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท หับ (จีทีเอช) กล่าวว่า เห็นด้วยกับแนวทางของรัฐบาลที่จะยกระดับภาพยนตร์ไทยสู่อุตสาหกรรมส่งออก แต่ต้องเร่งแก้ไข ข้อจำกัดต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาอุตสาหกรรม เช่น การลดภาษี นำเข้าสำหรับวัสดุเครื่องมือที่ใช้ในการ ถ่ายทำภาพยนตร์ ทุกวันนี้ภาพยนตร์ไทยและต่างประเทศเสียในอัตราที่เท่ากัน นอกจากนี้ รัฐบาลควรตั้งกองทุนสนับสนุนการผลิตและตั้งโรงเรียนพัฒนาบุคลากรด้านนี้โดยเฉพาะ เพื่อยกระดับคุณภาพของการผลิต
“สิ่งที่น่าห่วงและจะเป็นจุดตายที่สำคัญ คือ พ.ร.บ.ภาพยนตร์ฉบับใหม่ ที่มีแนวทางใช้ระบบเรตติ้งตรงนี้ถือเป็นเงื่อนไขสำคัญ หากเรตติ้งดีจะช่วยสนับสนุน แต่หากไม่ดีจะทำให้ภาพยนตร์ถดถอย” นายวิสูตร กล่าว
สำหรับปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ที่กลับมารุนแรงอีกครั้ง มีต่อผลต่อผู้ผลิตภาพยนตร์อย่างมาก อยากให้รัฐบาลช่วยดูแลกวดขันเพิ่มขึ้น รวมถึงพิจารณาการออกกฎหมายป้องกันและปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์โดยเฉพาะต่อไป
นายวิสูตร กล่าวว่า สำหรับจีทีเอช ปีนี้ ต้องระมัดระวังเรื่องการบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังน่าเป็นห่วงรวมทั้งปัญหา การละเมิดลิขสิทธิ์ส่งผลกระทบต่อรายได้โดยตรง บริษัทพยายามควบคุมต้นทุน การผลิตภาพยนตร์ต่อเรื่องไม่ให้เกิน 25-35 ล้านบาท
ขณะที่งบการตลาดจะอยู่ที่ประมาณ 15 ล้านบาทต่อเรื่อง
ปีนี้จีทีเอชจะผลิตภาพยนตร์ออกฉายรวม 6 เรื่อง คาดหวังรายได้รวม 300 ล้านบาท เฉพาะการจำหน่ายตั๋วชมภาพยนตร์ ส่วนรายได้อื่นๆ เช่น วีซีดี ดีวีดี เคเบิล ทีวี และฟรีทีวีอีก 200 ล้านบาท หรือ มีรายได้รวม 500 ล้านบาท มากกว่าปีที่แล้วที่มีรายได้รวม 400 ล้านบาท
นายวิสูตร กล่าวด้วยว่า ปีที่ผ่านมาภาพยนตร์ไทยมีมูลค่าราว 1.7 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 50% จากตลาดรวมมูลค่า 3.4 พันล้านบาท ปีนี้คาดว่าภาพยนตร์ ไทยจะมีรายได้ใกล้เคียงกับปีก่อน แม้จะ มีจำนวนภาพยนตร์ที่เข้าฉายมากขึ้น แต่ ดูแนวโน้มการทำหนังไทยยังเน้นแนวตลกคาเฟ่ ซึ่งคนเริ่มเบื่อ ผู้ผลิตควรหาแนว ทางที่แปลกใหม่และผลิตภาพยนตร์ หลากหลายขึ้น
ที่มา โพสต์ทูเดย์ วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551