ถือว่าเหลือเชื่อ! ที่คน (เคย) เกลียดสื่ออย่าง “สมัคร สุนทรเวช” จะหันมาผูกมิตรกับสื่อขอเป็น “นิว สมัคร”
แต่ถ้าหลายคนเชื่อว่า กรรมคือเครื่องชี้เจตนา จะเห็นว่า “สมัคร” พยายามใช้ “กรรมใหม่” ล้าง “กรรมเก่า” เรื่องนี้ปรากฏชัด ใน “นายกฯ พบสื่อสายทำเนียบฯ” ครั้งที่ 1 เมื่อ 15 กุมภาพันธ์
“สมัคร” กระแอม 2 ครั้ง ก่อนร่ายยาวถึงข่าว “นายกฯ” แวะกินต้มเลือดหมูที่ตลาด อ.ต.ก. (องค์การตลาดเพื่อการเกษตร) ปล่อยให้พระสงฆ์ร่วมพิธีครบ 49 ปี แห่งการสถาปนาสำนักงบประมาณในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ต้องรอ
จากนั้นอรรถาธิบายยกใหญ่เกือบ 5 นาที ก่อนสรุปบรรทัดสุดท้ายว่า “เขียนข่าวอย่างนี้เสียหมด คือเรื่องมันไม่เป็นเรื่องน่ะ”
จากนั้น “สมัคร” เปิดโอกาสให้สื่อถามตามใจปรารถนา ประเด็นร้อนแรงว่าด้วยนโยบายจัดระเบียบสื่อ นายกฯไอเดียพุ่ง ประกาศแปลง สทท.11 เป็น “โมเดิร์น 11 ”
กระทั่งผ่านไป 5 คำถาม “สมัคร” ได้ออกหลักเกณฑ์เฉพาะกิจ ขอให้ผู้สื่อข่าวบอกชื่อต้นสังกัดก่อน
นักข่าวออนไลน์นายหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า “ชื่อ… จาก…. ครับ”
นายกฯจึงสอดแทรกขึ้นว่า “นี่คำว่าชื่อไม่ต้อง บอกชื่อคุณมาเลย” เป็นผลให้นักข่าวนายผู้นั้นต้องซ่อมขานชื่อใหม่
แต่ก็ไม่ได้คำตอบ เมื่อ “สมัคร” เหลือบเห็นกระจิบข่าวนายดังกล่าวเสียบแฮนด์ฟรีไว้ที่หูข้างขวา เพื่อแจ้งประเด็นข่าวก่อน “สมัคร” จึงถามว่า “แล้วใส่หูอย่างนั้นฟังผมได้ยินเหรอ หรือต้องมีโค้ชสั่งมาว่าให้ถามยังไง หา..”
เรียกเสียงฮาจากวงสัมภาษณ์เป็นหนแรก
แต่แล้วบุคลิกเดิมๆ “สมัคร” ก็กลับมา เมื่อสื่อ น.ส.พ.รายหนึ่งตั้งคำถาม การแบ่งงานรองนายกฯ โดยที่นายกฯเป็นผู้กุมอำนาจเบ็ดเสร็จ “สมัคร” ไม่ตอบตรงๆ เพียงพูดว่า “นี่จะให้ผมทำหนังสือชี้แจงไปด้วยเหรอ ข้อสำคัญที่สุดคนเป็นนายกฯ มันไม่มีความเป็นตัวของตัวเองเหรอ… หรือต้องทำให้ผมทำหนังสือแจงไปว่า กราบเรียนไทยโพสต์ที่เคารพ ที่ผมมากุมอันนี้ก็เพราะเหตุนี้ มันมากไปๆ เอาแค่นี้เถอะ พอ”
กระจิบข่าวรายนั้นยังตั้งคำถามต่อถึงเหตุผลที่นายกฯขอกำกับดูแลสำนักงบประมาณเอง ทำให้ “สมัคร” โยกโย้ว่า “นายกฯให้ความสำคัญกับสำนักงบฯ มันเป็นอันตรายแก่ประเทศชาติขนาดไหน… คนเป็นนายกฯ กำกับสำนักงบฯ ไม่ได้เหรอ ผมขอถามย้อนกลับไปว่า ทำไมถึงมาเป็นห่วงเรื่องนี้ บ้านเมืองจะล่มจมเหรอ ถ้าให้นายกฯดูแลสำนักงบฯ เนี่ย เออๆ ผมถามหน่อยเด๊ะ”
ทำเอาบรรยากาศเงียบลงชั่วขณะ
ต่อมากระจิบสาวกลับมาถามการจัดระเบียบสื่ออีกครั้ง “สมัคร” จึงถามว่า “อ้าว! นี่ย้อนกลับมาใหม่อีกแล้วเหรอเนี่ย” นักข่าวตอบว่า “เมื่อกี้ยังไม่สุด” ทำเอา “สมัคร” หัวเราะร่วน (ฮ่าๆๆๆ) ก่อนบอกว่า “ไม่สุดเหรอ… โอเค.ๆ” ก่อนยอมตอบคำถามเป็นฉากๆ อย่างอารมณ์ดี
นอกจากนี้ “สมัคร” ยังพยายามลดโทนความดุเดือด หยิกแกมหยอกและยิงมุขใส่ผู้สื่อข่าวในจังหวะที่เขาถูกรุกไล่ อาทิ เมื่อนักข่าวสาวจากสำนักข่าวญี่ปุ่นแนะนำตัวเสร็จ แล้วกำลังอ้าปากเตรียมถามคำถาม “สมัคร” ชิงบอกว่า “มิน่าหน้าญี่ปุ่น”
หรือเมื่อ “สมัคร” เริ่มตอบไปบ่นไป บางครั้งไปไกลถึงขั้นออกทะเล จนสื่อหลายคนเริ่มวางมือจากการจดข่าว ก็แกล้งแหย่ว่า “อ้าวนี่จดกันใหญ่เลย”
ยังไม่รวมการดัดเสียงก่อนพูดว่า “โอ้ย! ท่านคะๆ” เพื่อแซวนักข่าวสาวหน้าแฉล้มที่ส่งเสียงเรียกนายกฯ ซ้ำซาก ก่อนยิงคำถามใส่
ช่วงท้ายกระจิบข่าวนายหนึ่งยิงคำถามว่า นายกฯเข้ารับตำแหน่งได้ไม่ถึง 2 สัปดาห์ แต่เกิดเสียงวิจารณ์และปัญหาขึ้นกับรัฐบาลและ พปช.มากมาย รู้สึกอย่างไร ทำเอา “สมัคร” ยิ้มร่าก่อนบอกว่า “โอ้ย! นี่คำถามที่นับว่าเห็นอกเห็นใจที่สุดตั้งแต่ได้เคยเจอกันมา ต้องบอกว่าขอขอบคุณที่ตั้งคำถามนี้…”
เรียกเสียงหัวเราะครืนจากสื่ออีกครั้ง
เสร็จสัมภาษณ์ 54 นาที “สมัคร” เฉลยถึง “นิว สมัคร” ว่า “อยากเป็นนายกฯ นานๆ ก็เลยต้องปรับหน่อย”
เมื่อสื่อถามว่า รู้สึกโกรธหรือไม่ที่ถูกนักข่าวรุ่นลูก-หลานซักไซ้ นายกฯตอบว่า “ไม่มีฮะ ผมสงสาร” กระจิบข่าวจึงซักว่า ที่ด่าเพราะสงสารหรือ “สมัคร” ย้ำว่า “ผมสงสาร”
ก่อนแยกย้ายสลายตัวในวันนั้น “สมัคร” เผยว่า “จริงๆ ผู้เชี่ยวชาญเขาบอกผมว่าพอให้สัมภาษณ์เสร็จให้หายไปทันที อย่ามายืนอยู่”
ว่าแล้วนายกฯ คนที่ 25 หายเข้าไปในตึกไทยคู่ฟ้าทันที!!!
ที่มา มติชน วันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 10934 หน้า 11