บทเรียนสำคัญสำหรับนักการเมืองและเจ้าของสื่อ

โดย เทพชัย หย่อง

 

ในยุคที่ยังเป็นใหญ่อยู่ในแผ่นดินนั้น อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร มีวิธีการจัดการกับสื่อและนักข่าวหัวดื้ออย่างได้ผลชะงัด

หนังสือพิมพ์ฉบับไหนที่วิพากษ์วิจารณ์ทักษิณหรือรัฐบาลก็ต้องทำใจที่จะไม่ได้เงินโฆษณาจากบริษัทที่ครอบครัวชินวัตรถือหุ้นใหญ่ หรือจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ หลายฉบับจึงต้องเปลี่ยนสีเพื่อความอยู่รอด

และนักข่าวคนไหนที่ยังดื้อดึง ก็เตรียมตัวถูกเด้งหรือเตรียมหางานใหม่ได้

เสริมสุข กษิติประดิษฐ์ อดีตหัวหน้าข่าวสายทหารและความมั่นคงของหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ “เดอะบางกอกโพสต์” เป็นหนึ่งในนักข่าวที่ถูกพิษของระบอบทักษิณ เล่นงานจนต้องระหกระเหเร่ร่อนออกไปจากหนังสือพิมพ์ที่ทำมานานถึง 23 ปีเต็มๆ

เพียงเพราะทำให้ทักษิณโกรธด้วยการเปิดโปงว่ารันเวย์ของสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งยังไม่ได้เปิดใช้ในขณะนั้นมีอาการร้าวและเป็นอันตรายต่อการขึ้นลงของเครื่องบิน

ใครๆ ก็รู้ว่าทักษิณมีความหวงแหนสนามบินสุวรรณภูมิแค่ไหน เพราะมันเป็นหน้าเป็นตาและช่วยสร้างคะแนนนิยมให้อย่างมหาศาล เพราะฉะนั้นข่าวในเชิงลบเกี่ยวกับสนามบินใหม่แห่งนี้จึงเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้เป็นอันขาดไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ก็ตาม

ผู้ถือหุ้นใหญ่ซึ่งสวมตำแหน่งบริหารสูงสุดของบางกอกโพสต์ในเวลาเดียวกันยอมแพ้ต่อแรงบีบทางการเมืองโดยไม่คิดจะสู้หรือปกป้องนักข่าวของตัวเองด้วยซ้ำ เพียงเพราะกลัวว่าผู้มีอำนาจในขณะนั้นจะหาเรื่องกลั่นแกล้งทางธุรกิจ

การสอบสวนที่ดูเหมือนทำกันอย่างเร่งรีบ ได้ข้อสรุปว่าเสริมสุขกระทำการโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงและทำให้บริษัทเสียหาย เพราะข่าวเรื่องรันเวย์ร้าวที่เสริมสุขเขียนนั้นปราศจากข้อเท็จจริง เสริมสุขถูกให้ออกจากการเป็นพนักงานเป็นการลงโทษ หลังจากปฏิเสธที่จะเซ็นใบลาออกเองเพราะเชื่อมั่นว่าตัวเองได้ทำหน้าที่อย่างสุจริตใจ

และเพียงหนึ่งวันหลังจากที่ข่าวรันเวย์ร้าวของเสริมสุขปรากฏอยู่บนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ บรรณาธิการใหญ่ของบางกอกโพสต์ก็มีคำสั่งให้ลงข้อความขอโทษรัฐบาลทักษิณโดยไม่มีการตรวจสอบด้วยซ้ำว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร

เป็นการแสดงออกของความกลัวจนลนลานของผู้บริหารกองบรรณาธิการ และเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่าอำนาจการเมืองของรัฐบาลทักษิณนั้นแทรกซึมไปทุกที่

แต่กาลเวลาก็เป็นเครื่องพิสูจน์ในที่สุดว่า สิ่งที่เสริมสุขรายงานนั้นเป็นจริงหรือไม่

หลังทักษิณสิ้นอำนาจ ความเลวร้ายทั้งหลายที่สนามสุวรรณภูมิซึ่งเป็นผลพวงจากการทุจริตอย่างเป็นระบบแต่ถูกอำนาจการเมืองปกปิดมาตลอดก็ถูกเปิดเผย จนสนามบินสุวรรณภูมิกลายเป็นโจ๊กระดับโลก

รันเวย์ร้าวเป็นเพียงหนึ่งในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากฝีมือของคนในรัฐบาลทักษิณที่เข้าไปโกงกินเกือบทุกขั้นตอนในการประมูลงานและการก่อสร้างที่สนามบิน

และในที่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลแรงงานกลางก็ให้ความเป็นธรรมกับเสริมสุขด้วยการสั่งให้หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์รับเสริมสุขกลับเข้าทำงานในตำแหน่งเดิม เพราะเสริมสุขไม่ได้ทำอะไรผิดตามที่ถูกกล่าวหา

คำตัดสินของศาลนอกจากเป็นการสั่งสอนฝ่ายบริหารที่เห็นแก่ผลประโยชน์ทางธุรกิจมากกว่าการปกป้องหลักการของการทำสื่อแล้ว ยังเป็นการตบหน้าระบอบทักษิณฉาดใหญ่

พอๆ กับการที่ศาลแรงงานได้ตัดสินในปี 2548 ให้ผู้บริหารของสถานีโทรทัศน์ไอทีวีรับอดีต “ขบถ” กว่า 20 คนที่ถูกยื่นซองขาวเพราะต่อต้านการแทรกแซงการทำข่าวโดยฝ่ายการเมืองกลับเข้าทำงานพร้อมค่าชดเชยความเสียหาย

สิ่งที่ทักษิณกลัวมากที่สุดคือการตรวจสอบ เพราะฉะนั้นการแทรกแซงองค์กรอิสระและสื่อมวลชนจึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและหนักหน่วงในช่วงห้าปีที่อยู่ในอำนาจ

แต่การแทรกแซงก็ไม่สามารถปิดกั้นความจริงได้

นี่คือบทเรียนที่สำคัญสำหรับนักการเมือง

และก็เป็นบทเรียนมีค่าเช่นเดียวกันสำหรับเจ้าของหรือผู้บริหารสื่อที่เห็นผลประโยชน์ทางธุรกิจอยู่เหนือความสำคัญของหลักการ

ที่มา : www.oknation.net วันจันทร์ ที่ 30 กรกฎาคม 2550

แท็ก คำค้นหา