โดย เทพชัย หย่อง
มันไม่ใช่คำขอที่มากเกินไปแม้แต่นิดเดียวที่ผู้ปกครองและเด็กๆ อยากได้ “เวลาสะอาด” บนจอทีวีสักวันละสามสี่ชั่วโมง
และก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่เกินเลยความสามารถของเจ้าของสถานีโทรทัศน์และบรรดาผู้ผลิตรายการทีวีทั้งหลายที่จะผลิตรายการ “สะอาดๆ” ที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อเยาวชน เราพูดกันมาเยอะแล้วครับ พูดกันทุกเวทีสัมมนาเกี่ยวกับรายการโทรทัศน์ พูดกันทุกครั้งที่มีการสำรวจความเห็น ว่าอยากเห็นบ้านเรามีรายการโทรทัศน์ที่มีสาระที่พ่อแม่และลูกหลานดูด้วยกันได้ แต่จนแล้วจนรอด ผู้ใหญ่ทั้งหลายที่เคยต้องนั่งหน้าจอทีวีดูคนตบตีกันหรือแย่งผัวแย่งเมียกันในละครน้ำเน่าทั้งหลายเมื่อตอนที่ยังเป็นเด็กอยู่เมื่อสิบยี่สิบปีก่อน ก็ยังหนีไม่พ้นรายการทีวีประเภทนี้จนถึงทุกวันนี้ ผมเชื่อว่าพ่อแม่ผู้ปกครองส่วนใหญ่คงมีความรู้สึกไม่แตกต่างกัน รู้สึกอัดอั้นตันใจกับรายการทีวีที่มุ่งหวังมอมเมาชาวบ้านด้วยละครน้ำเน่าและรายการเกมโชว์ไร้สาระ ถามใครก็ได้ว่าทุกวันนี้ มีรายการทีวีไหนบ้างในช่วงหัวค่ำที่พ่อแม่กับลูกๆ หลานๆ สามารถนั่งดูด้วยกันได้ ดูแล้วประเทืองปัญญาทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มันยากนักหรือที่จะผลิตรายการทีวีที่มีสาระและสนุก มันเกินความสามารถของคนผลิตทีวีเมืองไทยหรือยังไงที่จะสร้างละครที่ไม่ต้องมีฉากตบตีหรือฉากปั้นหน้าแสดงอาการอิจฉาริษยาเข้าใส่กัน คนผลิตรายการทีวีบ้านเราจนปัญญาจริงๆ หรือยังไงที่จะผลิตละครหรือรายการที่ประเทืองปัญญาที่ทำให้คนดูกันทั้งบ้านทั้งเมืองได้ (ต้องยอมรับว่ามีผู้ที่พยายามผลิตละครที่มีคุณภาพและเนื้อหาสร้างสรรค์สังคมแต่มักไม่ได้รับการสนับสนุน) ผู้ปกครองและเยาวชน ตลอดจนนักวิชาการที่ออกมารณรงค์ให้มีรายการทีวีสะอาดๆ ในช่วงระหว่าง 16.00-20.00น. ซึ่งเป็นช่วงที่เด็กๆ ดูทีวีมากที่สุด ไม่ได้กำลังเรียกร้องในสิ่งที่เป็นความเพ้อฝัน แต่เป็นการเรียกร้องที่คนที่มีความรับผิดชอบต่อลูกหลานและต่อสังคมสมควรจะเรียกร้อง ความจริงนี่คือข้อเรียกร้องที่ท้าทายความสามารถและสติปัญญาของคนผลิตรายการทีวี ที่ผ่านมามีความพยายามที่จะบิดเบือนให้ชาวบ้านเข้าใจผิดว่ารายการที่สะอาดประเทืองปัญญาและมีสาระต้องเป็นการที่น่าเบื่อ เหมือนตอนที่กระบวนการปฏิรูปคลื่นความถี่กำลังจะเริ่มก่อตัวเมื่อหลายปีก่อน ก็เจ้าของสถานีโทรทัศน์และผู้ผลิตรายการทีวีและดารานักแสดงกลุ่มเดียวกันนี้แหละที่ออกมาโวยวายว่าจากนี้ไปทีวีจะมีแต่รายการข่าวและสาระที่น่าเบื่อ ดาราจะตกงานกันเป็นแถว ละครและรายการเกมโชว์ทั้งหลายจะสูญพันธ์ คนดูก็จะได้เห็นแต่นักวิชาการหรือเอ็นจีโอโผล่หน้าจอทุกคืน ครั้งนี้ก็มาพร้อมกับลูกเล่นเดิม พยายามประโคมข่าวให้ชาวบ้านเข้าใจว่าถ้ามีการจัดลำดับความเหมาะสมของรายการทีวีในช่วงหัวค่ำตามมติของคณะรัฐมนตรี จากนี้ไป ก็จะไม่มีรายการที่ชาวบ้านชื่นชอบให้ดูอีกแล้ว เปิดมาก็จะเจอะแต่รายการเด็กหรือนักวิชาการนั่งบ่นให้คนดูฟัง ทั้งๆ ที่ข้อเรียกร้องของบรรดาผู้ปกครองนั้นไม่ได้ขอให้เลิกละครหรือรายการบันเทิงในช่วงหัวค่ำ แต่อยากเห็นรายการที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์ต่อสังคมมากกว่าละครน้ำเน่าไร้สาระ เชื่อได้เลยครับว่าถ้าการจัดเรทติ้งและการจำกัดช่วงเวลาการออกอากาศสำหรับรายการทีวีที่ไม่เหมาะสำหรับเด็กและเยาวชนไม่สามารถทำได้ในรัฐบาลปัจจุบัน ก็อย่าได้หวังเลยว่าจะทำได้ในอนาคต โดยเฉพาะกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะนักการเมืองบ้านเราไม่มีทางยอมมีเรื่องมีราวกับบรรดาเจ้าของสถานีโทรทัศน์และผู้ผลิตรายการทีวีทั้งหลายอย่างแน่นอน ดีไม่ดีจะเอาคนบริหารสถานีโทรทัศน์หรือญาติพี่น้องไปนั่งอยู่ในคณะรัฐมนตรีเหมือนยุครัฐบาลทักษิณด้วยซ้ำ มาถึงจุดนี้ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลของพล.อ. สุรยุทธ์ว่าจะเห็นแก่เด็กๆ และเยาวชนหรือจะเห็นอกเห็นใจเจ้าของสัมปทานทีวีและบรรดาคนผลิตรายการทีวี ก็ได้แต่หวังว่ารัฐบาล “ขิงแก่” อยากจะทิ้งอะไรที่เป็นมรกดที่ดีๆ ให้คนรุ่นต่อไประลึกถึงบ้าง |
ที่มา : http://www.oknation.net วันเสาร์ ที่ 21 กรกฎาคม 2550 |