ทีวีเสรี ทีวีสาธารณะ…หมดเวลาถกแถลง…ถึงเวลาลงมืออย่างจริงจัง

โดย กาแฟดำ
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

 

การแลกเปลี่ยนความเห็นว่าด้วยการตั้ง “ทีวีเสรี” และ “ทีวีสาธารณะ” ได้ดำเนินมาถึงจุดที่สังคมไทยได้รับรู้และเรียกร้องให้เกิดอย่างเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริงแล้ว

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ประเด็นของวันนี้จึงไม่ใช่ควรหรือไม่ควรที่จะมีสื่อสาธารณะที่รัฐบาลและกลุ่มทุนหรือผลประโยชน์ทางการเมืองและธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้องและแทรกแซง หากแต่อยู่ที่ว่านายกรัฐมนตรีสุรยุทธ์ จุลานนท์ จะมีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวที่เรียกว่า political will ในอันที่จะประกาศเป็น “วาระแห่งชาติ” ในเร็วนี้หรือไม่เท่านั้น

“ความมุ่งมั่นทางการเมือง” นั้น เป็นเรื่องแปลก เพราะคนเป็นนักการเมืองที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือมีส่วนได้ส่วนเสียกับอำนาจการเมืองอาจจะไม่มีมัน เพราะ political will หมายถึงการไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง

คนไม่มีผลประโยชน์เฉพาะตนทางการเมืองเท่านั้นที่จะมีความมุ่งมั่นที่จะใช้การเมืองทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ

หากนายกฯ สุรยุทธ์ เป็นคนไร้ผลประโยชน์ทับซ้อนทางการเมืองอย่างที่คนจำนวนไม่น้อยเข้าใจตั้งแต่ต้น นี่ก็คือจังหวะที่ท่านต้องแสดงให้ประจักษ์ชัดต่อสังคมไทยว่าไม่มีรัฐบาลไหนจะอยู่ในฐานะที่พร้อมเท่ากับรัฐบาลนี้ในการ “ปฏิรูปสื่อ” อย่างเอาจริงเอาจัง

เริ่มด้วยการที่นายกรัฐมนตรีคนนี้ประกาศตั้งคณะทำงานที่เป็นอิสระ ไม่มีผลประโยชน์พัวพันกับกลุ่มการเมืองหรือธุรกิจใด ที่จะนำเอาข้อเสนอทางเลือกต่างๆ ในการตั้ง “ทีวีเสรี” และ “ทีวีสาธารณะ” ให้เกิดขึ้นให้ได้ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า

เพราะรัฐบาลที่มาจากพรรคการเมืองหรือการแบ่งปันผลประโยชน์ทางการเมืองนั้นจะอยู่ในฐานะที่ “เป็นกลาง” หรือ “มืออาชีพ” ในการพิจารณาเรื่องนี้ได้ยากกว่ารัฐบาลที่ประกาศตนว่าไม่สืบทอดอำนาจต่อจากนี้ไป

เป็นโอกาสทองที่นายกฯ สุรยุทธ์ จะให้ประวัติศาสตร์ของประเทศจารึกว่าท่านเป็นผู้ที่ทำให้เกิด public service broadcasting stations ขึ้นในประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริงหลังการล่มสลายของ “ทีวีเสรี” ที่เรียกว่า ITV ด้วยฝีมือของ ทักษิณ ชินวัตร ที่เอาทั้งผลประโยชน์ทางการเมือง ธุรกิจและส่วนตัวเข้าไปทำให้หลักการแห่งทีวีเสรีหลังเหตุการณ์ “พฤษภาทมิฬ” พังทลายลงไปต่อหน้าต่อตา

ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ผู้อำนวยการวิจัยด้านเศรษฐกิจยุคสารสนเทศของ TDRI จับประเด็นถูกต้องเมื่อบอกว่าวันนี้ “หน้าต่างแห่งโอกาส” ได้เปิดแล้วสำหรับการทำคลอดทีวีเสรีและทีวีสาธารณะในจังหวะนี้

ท่านบอกว่า “รัฐบาลไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในธุรกิจสื่อ สนช. ก็พร้อม มีการเข้าชื่อ 40 ชื่อเสนอกฎหมายเข้าสภาแล้ว ฝ่ายรัฐบาลเองก็มีรัฐมนตรีหลายคนเข้าใจ… กระทรวงการคลังเองก็เห็นด้วยว่าจะยอมจัดสรรภาษีพิเศษเช่นภาษีอบายมุขมาสนับสนุน…”

คำว่า “ทีวีเสรี” แปลว่า เป็นสถานีโทรทัศน์ที่เอกชนเข้ามาทำได้ แต่ต้องปลอดจากการแทรกแซงทางการเมืองและธุรกิจทุน ซึ่งแปลว่าจะต้องมีการร่างกฎกติกาอย่างรอบคอบ เที่ยงธรรม และปฏิบัติได้ โดยมีประชาชนคนดูเป็นผู้สามารถตรวจสอบ และมีส่วนร่วมในการติดตามประเมินผลงาน

รายได้ของ “ทีวีเสรี” อาจจะมาจากโฆษณาได้ แต่ต้องได้รับการคุ้มครองในเสรีภาพของการทำหน้าที่สื่อวิชาชีพด้วยกฎหมายและองค์กรอิสระของประชาชน ไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอย่างกรณีของไอทีวีที่กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวมาถึงทุกวันนี้

“ทีวีสาธารณะ” คือ สถานีทีวีที่เอาภาษีประชาชนหรือภาษีพิเศษมาดำเนินการเพื่อจะได้ไม่ต้องหารายได้จากโฆษณา และบริหารโดยคณะกรรมการที่ประกอบด้วยบุคคลที่มีประวัติการทำงานที่น่าเชื่อถือและไม่ตกอยู่ภายใต้การครอบงำของนักการเมืองหรือนักธุรกิจหรือคนเฉพาะกลุ่มในประเทศโดยให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับรายการที่เป็นเนื้อหาสาระเพื่อการสร้างเสริมสังคมแห่งปัญญาและจริยธรรม

“ทีวีสาธารณะ” หรือ public service broadcasting station จะไม่ใช่ทีวีเพื่อการพาณิชย์ แต่จะมุ่งเน้นให้มีรายการสาระที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน เยาวชนและส่งเสริมการปฏิรูปการเมืองและเศรษฐกิจอย่างจริงจัง

“ทีวีสาธารณะ” จะถูกบริหารโดยคนมืออาชีพที่ได้พิสูจน์มาแล้วว่าซื่อตรงต่อมาตรฐานวิชาชีพและประชาชนคนดู เพราะสถานีแห่งนี้จะอยู่ภายใต้การตรวจสอบของ “สภาผู้ชม” หรือ audience council ที่มีกระจายอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ

ทางออกที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุดคือ การเอาคลื่นความถี่ยูเอชเอฟ ของ ไอทีวี กลับไปเป็น “ทีวีเสรีเอกชน” อย่างจริงจังและมุ่งมั่นภายใต้กฎกติกาใหม่ที่จะรับใช้ความต้องการสาระและข่าวสารของสาธารณชนอย่างแท้จริง

และให้ช่อง 11 ของกรมประชาสัมพันธ์ เป็น “ทีวีสาธารณะ” ภายใต้กรอบใหม่ที่รับใช้ประชาชน มิใช่สนองนโยบายของการเมืองอย่างที่เป็นมาตั้งแต่ต้น

หมดเวลาวิวาทะแล้ว ข้อมูลและทางเลือกมีอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ นาทีต่อนี้ไปก็เป็นการพิสูจน์ของนายกฯ สุรยุทธ์ ว่า จะให้ประวัติศาสตร์จารึกว่าท่านเป็น “แค่ฤๅษีเลี้ยงเต่าที่รอวันกลับบ้าน”

หรือเป็นรัฐบุรุษผู้สร้างพลังสังคมให้กับประชาชนด้วยการคืนอำนาจการสื่อสารให้กับประชาชนคนไทยทั้งประเทศอย่างแท้จริง

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2550 07:32:00

แท็ก คำค้นหา