ตอนนี้คะแนนของ คมช.และรัฐบาลตกฮุบไปเลย หลังบล็อกซีเอ็นเอ็น ขอคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าว่าตั้งแต่นี้ต่อไปจะมีการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลไทยอย่างหนักในช่วง 4-5 เดือนข้างหน้า
หนักขนาดที่เอาสถาบันเบื้องบนเข้าเกี่ยวข้องเพื่อชักจูงให้คนทั้งโลกเห็นว่าประชาธิปไตยในเมืองไทยมันหลอกลวงเป็นปาหี่ ประชาธิปไตยที่เพียงพอ ไม่มีหรอก ดีไม่ดีวิจารณ์เศรษฐกิจพอเพียงว่าเป็นนโยบายเศรษฐกิจที่กันต่างประเทศเข้ามาลงทุน จะบอกให้ก็ได้ ลำพังทักษิณคนเดียวทำไม่ได้ ต้องมีคนช่วยที่เป็นเส้นสายฝ่ายในรัฐบาล (คนใกล้ชิดใกล้ตัวเป็นศัตรูที่ร้ายที่สุด)
ความเห็นและการตอบโต้ของผู้ใหญ่ คมช.และรัฐบาลไทยในอนาคต (ถ้ายังไม่มีความคิดลึกซึ้งและแผนเชิงรุกระยะยาว) ก็จะกลายเป็นเชื้อเพลิงดีเซลอย่างดีให้ฝ่ายพีอาร์ทักษิณเอาไปใช้ เพิ่มความร้อนระอุในการเมืองไทย เพื่อให้พังทลายไปข้างหนึ่ง อย่าลืมว่าทักษิณไม่มีอะไรต้องเสียอีกแล้ว ถือว่าตอนนี้เริ่มจากศูนย์หลังถูกยึดอำนาจ
ในปีนี้ ถ้าบ้านเมืองไทยยิ่งยุ่งเท่าไรยิ่งดี สำหรับ ทักษิณ ถือว่าเป็นผลพวงโดยตรงจากการยึดอำนาจที่ไม่ชอบธรรม ครับฟ้องฝรั่งไปเลย ฟ้องมันทั้งโลก ว่าเมืองไทยเป็นทรราชย์ดีๆ นี่เอง คนมีเงินมหาศาลอย่างทักษิณรึจะปล่อยมือ ถ้าเขาไม่ได้ คนอื่นก็ต้องไม่ได้ แต่ถ้าเขาได้เขาต้องได้มากกว่า มีเงินเป็นบัญชีดอลลาร์ จะจ้างนักพีอาร์หรือล็อบบี้ที่ไหน ทำได้ทั้งนั้น มีมือปืนทั่วโลก
คมช.และรัฐบาลต้องฉลาดกว่านี้ เพราะสงครามกับทักษิณต่อไปนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นในเมืองไทย แต่เกิดขึ้นในพื้นที่สื่อต่างประเทศที่มีเจ้าของสนามรบคือ อินเทอร์เน็ต ออกเอ็มเอสเอ็น ดีไม่ดีออก “ยูทูบ” อีกต่างหาก จะไม่แปลกใจถ้า ทักษิณ จะมีเวบของตัวเองเพื่อติดต่อกับผู้หลงใหลนโยบายทักษิณ เพื่อออกมาประชาสัมพันธ์ตัวเอง เอาสิ่งที่เคยทำมาทำเป็นแวปเอาไว้ให้ คมช.และรัฐบาลเจ็บใจเล่น ข้าราชการบ้าจี้อาจจะปิดเวบทันที เป็นข่าวดังทั่วโลกอีก สู้กันทางสื่อในพื้นที่ ไซเบอร์ ที่ไม่มีเจ้าไม่มีศาล สื่อไทยต้องเสรี ต้องเอาคนที่มีปัญญามาถกมาเถียง เพื่อให้เห็นว่าไอ้ที่หน้าเหลี่ยมพูด มันไม่ได้เป็นอย่างที่พูด หมัดต่อหมัด สู้ไม่ได้ให้มันรู้ไป ไม่มีปัญญาก็ให้เขากลับมาสิ การสอบสวนต้องทำไปตามครรลองที่วางไว้ อย่าไปเร่ง เพราะผลออกมาต้องรอบคอบที่สุด ดิ้นไม่ได้ ตอนนี้มีแรงกดดันสูงทั้งภายในและภายนอก เพราะประชาชนร้อนใจที่เห็น คมช.และรัฐบาลไม่กระตือรือร้นเท่าที่ควร อยากเป็นสุภาพบุรุษอย่างเดียว (ซึ่งก็ไม่เลวหรอกเพียงแต่ว่าคู่ต่อสู้หน้าเหลี่ยมจะขย้ำคออยู่แล้ว) |
สังคมไทยในอนาคตจะต้านทานกระแสทักษิณลี้ภัยได้ ถ้าเราเปิดเสรีสื่อ อนุญาตให้วิเคราะห์เจาะลึกประเด็นต่างๆ เมืองไทยโชคดีที่หน้าเหลี่ยมไม่ได้เป็นแบรนด์เนมการเมืองอย่าง นางออง ซาน ซู จี หรือ เนลสัน แมนเดลาเพราะแค่เอ่ยชื่อก็ได้รับความเห็นใจทันที ถ้าเป็นแบบสองผู้ยิ่งใหญ่นี้ มีหวังแพ้ประตูเดียว
โดย กวี จงกิจถาวร หนังสือพิมพ์คมชัดลึก วันศุกร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2550 |