ชาติชาย เหลืองเจริญ บ้านจำรุง ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา วิทยุชุมชนได้เข้ามาแสดงบทบาทในสังคมไทยมากขึ้น โดยที่ไม่มีทางที่จะหยุดการเกิดขึ้นของมันได้ แม้ว่าจะมีการกล่าวหาว่าเป็นวิทยุเถื่อนในช่วงปี 2545 และมีการกล่าวหาว่าเป็นวิทยุเอกชนในคราบวิทยุชุมชนบ้างในช่วงต่อมา ถูกกล่าวหาว่าเป็นวิทยุของกลุ่ม ส.ส. บ้าง เป็นวิทยุของนักฉวยโอกาสที่อาศัยช่องว่างทางกฎหมายบ้าง
อย่างไรก็ตามถ้าเรามองในลักษณะของการเกิดวิทยุชุมชนนั้น มีที่มาที่ไปที่ทุกคนปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่คือเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน และปฏิเสธไม่ได้เลยที่ว่าการสื่อสารเป็นธรรมชาติของมนุษย์
ถ้าเห็นตรงกันอย่างนี้ การแก้ปัญหาวิทยุชุมชนจะไม่ใช่เรื่องยากเลย โดยเริ่มที่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงก่อน
กลุ่มที่หนึ่ง วิทยุชุมชนแท้ ๆ ที่เกิดจากที่ได้รับการสนับสนุนกระบวนการเรียนรู้และจัดทำจากกองทุนเพื่อสังคม และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน และยังรักษาความเป็นวิทยุชุมชนอยู่ กลุ่มนี้รัฐ ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวแล้ว เพราะกลุ่มนี้มองว่าวิทยุชุมชนเป็นแค่เครื่องมือในการเสริมสร้างให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง และเป็นเพียงแค่จุดปฏิบัติการเรียนรู้วิทยุชุมชน เพื่อรอให้ กสช. เกิดมาเท่านั้น ในกลุ่มนี้มีไม่มากนัก ประมาณ ร้อยกว่าแห่งเท่านั้น ถ้าลองตรวจสอบกับสหพันธ์วิทยุชุมชนแห่งชาติก็คงทราบคำตอบ แต่ถ้ารัฐบาลจะขอข้อมูลที่ประชาสัมพันธ์จังหวัดคงไม่ทราบ เพราะกลุ่มนี้ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับประชาสัมพันธ์
กลุ่มที่สอง กลุ่มวิทยุชุมชนสายธรรมะ ยิ่งไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวด้วยเลยเพราะประเทศไทยกำลังมีปัญหาสังคมอย่างรุนแรง ปัญหาจริยธรรมเสื่อมถอยลงทุกวัน ยังไม่เห็นมีใครที่จะจัดการกับเรื่องนี้แบบเป็นเรื่องเป็นราว ต้องอาศัยสื่อวิทยุชุมชนสายธรรมะนี่แหละช่วยขัดช่วยเกลา คงจะทำให้ปัญหาสังคมลดลงบ้าง และถ้าเป็นไปได้สนับสนุนให้มีกำลังส่งให้แรงไปเลย ครอบคลุมทั่วประเทศยิ่งดี
กลุ่มที่สาม กลุ่มผู้ประกอบการวิทยุรายย่อย ที่กรมประชาสัมพันธ์มีความเป็นห่วงเรื่องรายได้ของเขา ไปให้แนวทางเรื่องให้มีโฆษณาชั่วโมงละ 6 นาที กลุ่มนี้น่าจะมอบหมายให้กรมประชาสัมพันธ์รับไปดูแลเสียเลย เพราะถ้าดูจากที่ผ่านมา กรมอยากมีบริวารมาก ๆ จะได้ค่าสมัคร ค่าประกัน มีเงินบริหารจัดการ และสนับสนุนให้มีกำลังส่งให้แรงเท่าที่กลุ่มต้องการ แต่ช่วยเปลี่ยนชื่อวิทยุชุมชนเป็นวิทยุเอกชนให้ชัดเจนไปเลย กลุ่มที่สี่ กลุ่มนักการเมือง กลุ่มนี้น่าเห็นใจมากควรจัดให้เป็นวิทยุแนวการเมืองไปเลยแต่ให้เปิดเผยต่อสาธารณะ รับรู้กันไปเลยว่าเป็นของนักการเมืองท่านใด ส.ส. คนไหน พรรคการเมืองใด และไม่ควรมาแอบใช้ชื่อวิทยุชมชนเดี๋ยวท่านจะมัวหมอง ซึ่งขณะนี่ก็สับสนกันไปหมดแล้ว |
กลุ่มที่ห้า กลุ่มที่ยังไม่มีสังกัด ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกอยู่กลุ่มใหนดีขอแนะนำว่าให้ขึ้นต่อสำนักนายก มอบให้รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงไปเลยจะได้หมดเรื่องหมดราวไป แต่ขอร้องว่าอย่าใช้ชื่อวิทยุชุมชนเลย ทุกวันนี้คำว่าวิทยุชุมชนก็เสียหายมากพอสมควรแล้ว
อย่างไรก็ตาม การเกิดของวิทยุชุมชนได้ทำให้เกิดเรื่องราวในลักษณะที่ดีมีคุณค่า ชุมชนได้รับข่าวสารโดยตรงจากพื้นที่ เรื่องราวในชุมชนได้รับการเผยแพร่จากวิทยุที่ชุมชนเป็นเจ้าของ วัฒนธรรมท้องถิ่น บทเพลงพื้นบ้านได้รับการเผยแพร่ ข่าวสารการทำมาหากิน การประกอบอาชีพ ความรู้จากภูมิปัญท้องถิ่น สมุนไพรพื้นบ้าน แพทย์แผนไทย การยอมรับกันเองในชุมชน ได้ถูกส่งผ่านรายการวิทยุชุมชน รายการธรรมะที่กลุ่มวิทยุสายธรรมมะ ได้ช่วยเยียวยาสภาพสังคม และพัฒนาพระคุณเจ้าผู้ปฏิบัติธรรม ให้มีทักษะในการสื่อสาร เพิ่มศักยภาพพระนักเผยแผ่ที่มีความสามารถในการสื่อเพิ่มขึ้น เป็นกำลังสำคัญให้กับพระศาสนา ผู้ผลิตรายการวิทยุกระแสหลักที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ได้มีทางเลือกในการประกอบอาชีพ หันมารวมตัวกันจัดตั้งสถานีวิทยุ เป็นทางออกอีกทางหนึ่งที่สร้างรายได้ และถ้ารัฐบาลจะเก็บภาษีกลุ่มนี้ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ขอให้มีการรับรองกันให้แน่นอน นักการเมือง มีโอกาสนำผลงานที่ตนเองทำ มาบอกเล่าให้พี่น้องประชาชนในเขตของตัวเองรับรู้ เพราะทุกวันนี้ประชาชนแทบจะไม่ทราบแล้วว่า ส.ส.ที่เลือกไป ไปทำอะไรบ้าง ยังอยู่สบายดีไหม ไม่เห็นลงพี้นที่เหมือนตอนก่อนเลือกตั้งเลย วิทยุจะทำให้ประชาชนใกล้ชิดทางอากาศกับ ท่าน ส.ส. นักการเมืองขึ้น ถ้าเห็นตรงกันอย่างนี้ รัฐบาลท่านก็ไม่ต้องกลัวประชาชน หรือกังวลใจว่านักวิชาการจะตำหนิเรื่องที่ไม่เร่งผลักดัน กสช. วุฒิสภาก็ไม่ต้องหนักใจค่อย ๆ ตรวจสอบคุณสมบัติไปก็ได้ เรื่องจะได้ไม่ต้องรกรุงรังศาลปกครอง ส่วนเรื่องรบกวนคลื่นวิทยุการบินแนะนำให้ย้ายคลื่นวิทยุการบินหรือใช้คลื่นสำรองก็ได้ ปัญหาก็จะหมดไป เพราะคนจนต้องสำคัญกว่าคนรวยนั่งเครื่องบินแน่นอน (นโยบายพรรคที่ว่าหัวใจคือประชาชน) ขอเรียกร้องให้ทุกส่วนใจเย็นและอดทนในการรอคอย ยังไง กสช. ต้องมาแน่ รอมาได้ตั้งหลายปี จะรออีกหน่อยไม่ได้เชียวหรือ และจะมั่นใจได้อย่างไรว่า กสช. ที่หลาย ๆ คนคาดหวัง เมื่อมาแล้วจะเขียนกติกาที่ไม่สับสนยิ่งไปกว่าปัจจุบันนี้หรือ บางที การไม่มี กสช.อาจจะดีกว่ามีก็ได้ใครจะไปรู้ |